สังเวย 23 ศพ เหตุโรงงานพลุระเบิด ชาวบ้านวอนหากเกิดเหตุให้ปิดโรงงาน หลังเคยระเบิดแล้วเมื่อปี 65

เวลา 12.00 น. วันที่ 18 ม.ค. 67 ที่ ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิดที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งอยู่กลางทุ่งนา ไม่มีบ้านพักอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง แต่มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 23 ราย รวมถึงภรรยาและลูกของเจ้าของโรงงาน ส่วนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงและต่างพื้นที่พากันมาดูที่เกิดเหตุ พร้อมบอกว่ารู้สึกหดหู่มาก เพราะมีผู้เสียชีวิตเยอะ

ล่าสุด เจ้าหน้าที่กู้ภัยทยอยลำเลียงร่างของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวออกจากจุดเกิดเหตุ เพื่อเคลื่อนไปยังวัดโรงช้าง ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุราว 2 กิโลเมตร โดยจะดำเนินการนำร่างผู้เสียชีวิตไปพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ก่อนจะส่งมอบร่างคืนให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตต่อไป 

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปบริเวณจุดเกิดเหตุ เนื่องจากยังมีสารกํามะถันตกค้าง โดยเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับอนุญาตเข้าพื้นที่คือ หน่วย EOD และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น โดนจะต้องสวมชุดป้องกันเช่นกัน

ด้าน นายสุนทร บัวงาม หรือลุงทุย อาชีพเกษตรกรรม บ้านห่างจากจุดเกิดเหตุราว 3 กิโลเมตร เล่าว่า ในวันเกิดเหตุตนกำลังทำงานอยู่ที่บ้านแล้วได้ยินเสียงระเบิดดัง เกือบ 1 นาที ดังมากจนตนรู้สึกแน่นหน้าอก เมื่อเสียงเงียบตนสันนิษฐานว่าโรงงานพลุระเบิดแน่ๆ แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจุดไหน พอตอนเย็นมีทาง นายกฯ อบต. บอกว่ามีเหตุระเบิดที่สวนแตง มีคนตาย แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าตายกี่คน จึงขี่รถมาดูก็เห็นไฟกำลังลุกอยู่จึงไม่สามารถเข้าไปใกล้ๆ ได้ ทำได้แค่ยืนดูห่างๆ ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาดูเหตุการณ์แต่เนื่องจากไฟยังลุกอยู่จึงไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปเคลียร์พื้นที่ก็พบว่ามีผู้ดสียชีวิตจำนวนไม่น้อย จึงมีการห่อผ้าขาวไว้แล้วนำใส่ถุงไว้ ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นร่างของใคร ส่วนตัวมองว่า 23 ศพ เป็นจำนวนที่เยอะมาก สะเทือนขวัญคนทั้งตำบล ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงปลายปี 2565 จุดนี้เคยระเบิดแล้วครั้งหนึ่ง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งตอนนั้นมีการยื่นเอกสารกะบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอเปิดโรงงานผลิตพลุต่อ โดยใช้พื้นที่ละแวกทุ่งนาแห่งนี้ตั้งโรงงาน ห่างไกลจากบ้านคน ชาวบ้านจึงไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก ขณะนี้ก็รู้สึกหวั่นใจว่าโรงงานผลิตพลุอื่นๆ จะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะเกิดตอนไหน ส่วนตัวอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสั่งปิดกิจการของโรงงานพลุที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ไปเลย ไม่อยากให้เกิดซ้ำอีก เพราะในจังหวัดมีโรงงานผลิดพลุลักษณะนี้อีก 2-3 แห่ง

ทั้งนี้ ลุงทุย เผยว่าโชคดีที่เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดในวันธรรมดา เพราะปกติทุกวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ จะมีนักเรียนมาช่วยครอบครัวทำงานที่โรงงานพลุแห่งนี้เพื่อหารายได้เสริมด้วย เนื่องจากลูกจ่างส่วนใหญ่ไม่ได้มีสัญญาจ้าง เป็นการรับจ้างแบบเหมา รายได้ขึ้นอยู่กับความขยันของแต่ละคน