facebook

"ลุงป้อม" ยิ้มผลโพลยกให้เป็นอันดับ 1 ก้าวข้ามความขัดแย้ง

18 เม.ย. 2566
10:22

"ลุงป้อม" ยิ้มผลโพลยกให้เป็นอันดับ 1 ก้าวข้ามความขัดแย้ง “ชาญกฤช” เผย หัวหน้าพปชร. ขอบคุณเสียงโหวตนายกฯ สมานฉันท์ โดดเด่น นำจัดตั้งรัฐบาลราบรื่น” ย้ำอายุไม่ใช่อุปสรรค เดินช้า แต่คิดเร็ว-ทำเร็ว  


วันที่ 18 เม.ย.2566 ที่ทำเนีบรัฐบาลพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม​ พร้อมปฏิเสธการตอบคำถามถึงกรณีผลโพลที่ออกมาหลายสำนัก​ กรณีที่ยกให้พล.อ.ประวิตร​ ยกให้เป็นผู้นำ ลำดับ1 ที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง​ รวมไปถึงผลโพลที่พล.อ. ประวิตร จะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล​ แต่ไม่มีรายชื่อติดโผเป็นนายกฯทำให้พล.อ.ประวิตร รีบเดินไปทันที


ด้านนายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่สวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ในหัวข้อ “นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในสายตาประชาชน” ที่ยกให้ พล.อ.ประวิตร เป็นอันดับ 1 นายกฯที่จะช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และเป็นอันดับ 1 ของนายกฯที่สามารถประสานงานจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างราบรื่น ว่า พล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณประชาชนที่ร่วมกันโหวตให้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีความโดดเด่นในทั้งสองด้านดังกล่าว ซึ่งผลโพลที่ออกมาสอดคล้องกับแนวคิด “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” ที่ตนเองและพรรคพลังประชารัฐชูธงนำมาโดยตลอด พร้อมให้ความมั่นใจว่า จะพาคนไทยออกจากวังวนความขัดแย้งได้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อเดินหน้าพลิกโฉมประเทศไทยต่อไป 

 

นายชาญกฤช กล่าวต่อว่า แนวคิดการก้าวข้ามความขัดแย้งของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นความมุ่งมั่นที่พยายามทำลายกำแพงความแตกแยก และเป็นการประกาศเริ่มต้นประเทศไทยใหม่ ซึ่งได้เสียงตอบรับที่ดีจากสังคม โดยเฉพาะใจความสำคัญในจดหมายเปิดใจของ พล.อ.ประวิตร ได้พูดถึงแนวทางสมานฉันท์ที่น่าสนใจ คือ ภายหลังการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาคัดเลือกนโยบายที่ทุกพรรคการเมืองใช้ในการรณรงค์หาเสียง เพื่อนำมาปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริง โดยไม่ได้เกี่ยงว่าเป็นพรรคใหญ่ พรรคเล็ก หรือเป็นพรรคการเมืองฝ่ายใด หากนโยบายเหล่านั้นเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เพราะเชื่อว่านโยบายของทุกพรรคการเมืองผ่านการกลั่นกรองมาในระดับหนึ่งแล้ว และมองว่า การเมืองไม่มีผู้ชนะเด็ดขาด และไม่มีฝ่ายใดต้องแพ้ราบคาบ ทุกคนทุกฝ่ายต้องตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องช่วยกัน ร่วมมือกันฟื้นฟูและพัฒนาประเทศให้เดินไปข้างหน้าอย่างเท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลก จึงหมดเวลาที่คนไทยจะทะเลาะกันเอง 


นายชาญกฤช ยังให้ความมั่นใจด้วยว่า พล.อ.ประวิตร มีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะอยู่ในวัย 78 ปี ก็ไม่ถือเป็นอุปสรรค ดังคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร ที่เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการทำงานที่ประสบความสำเร็จ ผ่านเทคนิคการบริหาร คือ “ช้า เร็ว หนัก เบา” โดยยอมรับว่า ตัวเองเดินช้า แต่คิดเร็ว ทำเร็ว ตัดสินใจเร็ว เป็นคนหนักแน่น ไม่หูเบา ส่วนที่เบา คือ เป็นคนไม่มีภาระ ไม่มีครอบครัว ไม่มีห่วง จึงทำงานเพื่อประชาชนและส่วนรวมได้อย่างเต็มที่ 


“ถึงแม้ว่า พล.อ.ประวิตร จะเดินช้า ขาไม่ดี แต่ระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ขาทั้งสองข้างของ พล.อ.ประวิตร ได้ลงพื้นที่ไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง ปัญหาความยากจน รวมถึงการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย จนประเทศไทยสามารถปลดใบเหลืองจากสหภาพยุโรปได้สำเร็จ คนไทยไม่ต้องเดือดร้อนจากการถูกกีดกันการส่งออกสินค้าประมง เหล่านี้เป็นผลงานที่เป็นที่ประจักษ์ และเป็นที่ยอมร้บอย่างกว้างขวาง” นายชาญกฤช กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนหัวข้ออื่นๆ ที่ประชาชนยังไม่เทคะแนนให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ทางพรรคฯ ขอน้อมรับเพื่อนำไปปรับปรุง และเสริมให้เป็นจุดแข็งต่อไป พร้อมฝากประชาชนพิจารณาเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทุกเขตทั่วทั้งประเทศ เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย เพื่อก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน

ข่าวแนะนำ

เครือซีพี – ซีพีเอฟ ยกระดับโภชนาการในพื้นที่ห่างไกล เดินหน้า “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวัน”
© COPYRIGHT 2025 ROOM44 บริษัท นิวส์รูม 2020 จำกัด