“เกียรติ” ไล่บี้ “เพื่อไทย” แจงสังคม ชัดๆ ปมแจกเงินดิจิตัล ถามจี้ใจดำ เอาเงิน 5 แสนล้านบาทจากไหน มาทำโครงการ เพราะงบฯรัฐเหลือ 2 แสนกว่าล้าน ดักทาง คนได้เงินดิจิตัล ต้องเสียภาษีเพิ่มหรือไม่ จี้ กกต.เร่งชี้ขาดพ่วงต้องแจงสังคมไทยให้รู้ด้วย
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 เม.ย. 2566 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเกียรติ สิทธีอมร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ชี้แจงเรื่องนโยบายแจกเงินดิจิทัลว่า สามารถใช้เงินจากงบประมาณได้นั้น ว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะเขาชี้แจงนโยบายนี้ไม่ชัดเจน โดยระบุว่านโยบายนี้ไม่กระทบกับงบประมาณแผ่นดินนั้น ใครก็พูดได้ แต่มีคำถามว่าแล้วจะเอางบประมาณมาจากไหนมาใช้ ฟังแล้ว ยังไม่ชัดเจนอยู่ดี และไม่ทราบว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีท่าทีอย่างไร เพราะสังคมไม่ได้เห็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงว่าคืออะไร กกต.ก็ไม่เปิดเผย “นี่เป็นเรื่องใหญ่ อาจมีผลกระทบมากกับเศรษฐกิจทั้งประเทศ จึงต้องมีความชัดเจน ไม่ใช่วันหนึ่งบอกแจกเงินดิจิทัล อีกวันบอกเป็น ดิจิตัล วอลเล็ต เปลี่ยนไปเรื่อยเมื่อถูกถามลงรายละเอียด
ผมไม่มีปัญหา ถ้าใครจะทำนโยบายที่ไม่เป็นความเสี่ยงกับประเทศ และมีความเป็นธรรม แต่สิ่งหนึ่งที่ผมถูกถามตลอดว่า ดีนะที่มีนโยบายของใครก็แล้วแต่ แต่เอาเงินจ่ายให้ตัวเองด้วย อันนี้งง เพราะนโยบายนี้ หัวหน้าพรรคเขาก็ได้ แคนดิเดตนายกฯก็ได้หมด เจ้าสัวทุกคนก็ได้หมดในเงิน 10,000 บาทนี้ มันมีด้วยหรือ ผมยังไม่เคยเห็น ยกเว้นในอดีตไกลๆเลยในยุคที่มีประชานิยมสุดโต่ง แต่หลังจากนั้นไม่มีใครกล้าทำ ดังนั้น เมื่อกล้าทำ เขาก็ต้องกล้าอธิบายสังคม”นายเกียรติ กล่าว
เมื่อถามว่า นโยบายแจกเงินดิจิตัล10,000 บาท เป็นประชานิยมสุดโต่งหรือไม่ นายเกียรติ กล่าวว่า ผลที่ตามมาคือสร้างความเหลื่อมล้ำแน่นอน เพราะทุกคนได้หมด แต่มันดีอย่างไรกับประเทศ นักวิชาการทุกคนออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า กระตุ้นอย่างนี้ได้ผลระยะสั้น เอาเงิน 5 แสนล้านบาท มากระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นอย่างนั้นหรือ ทุกคนพูดตรงกันหมดว่า นึกไม่ออกว่าจะเอาเงินมาจากไหน เพราะมีงบประมาณที่เหลือ 2 แสนกว่าล้านบาท ก็ต้องถูกนำไปใช้อย่างอื่นที่จำเป็นอยู่ก่อนแล้ว แต่ถ้าจะต้องใช้เงินเกินกว่านั้น จะเอาเงินมาจากไหน พรรคเพื่อไทยต้องมีคำอธิบายตอบต่อประชาชนให้ได้ ทั้งนี้ ตนไม่อยากวิจารณ์นโยบายของพรรคอื่น ถ้าไม่ใช่สิ่งที่สร้างความเสี่ยงให้กับประเทศ เมื่อถามอีกว่า แต่ประชาชนชื่นชอบนโยบายนี้ของพรรคเพื่อไทย นายเกียรติ กล่าวย้อนถามว่าใช่หรือ เพราะตนได้คุยกับคนชั้นกลาง พบว่าพวกเขาไม่ชอบเลย แต่คนรากหญ้าเห็นว่าควรได้ ตนสนับสนุนถ้าให้เงินกับคนที่มีเงินในบัญชีไม่ถึง 10,000 บาท เพราะถือว่าตรงเป้า ลดความเหลื่อมล้ำได้ทันที และใช้เงินน้อยกว่า กระตุ้นเศรษฐกิจได้เหมือนกัน แต่ยังมีคำถามอีกว่า ส่วนคนที่มีรายได้มากพออยู่แล้ว ถ้าได้รับเงินอีก 10,000 บาท จะต้องเสียภาษีด้วยหรือไม่ นี่ก็ยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่มีคน 35 ล้านคนไม่ต้องการความช่วยเหลือตรงนี้ แต่อีก 15 ล้านคน ต้องการความช่วยเหลือ จึงขอให้พรรคเพื่อไทยชี้แจงให้ชัดเจน
ทั้งนี้ พรรคการเมืองทำนโยบายได้คะแนน แต่ต้องซื่อสัตย์ต่อประชาชนว่า ภายใต้นโยบายที่น่าสนใจนึ้ มีความเสี่ยงของชาติหรือไม่ “เพราะถ้าประกาศออกไป คนก็ไม่เข้าใจ คนมองในมุมปะชาชนว่าอาจได้รับประโยชน์ แต่ผลกระทบที่รุนแรงจะเป็นอย่างไร เขารับผิดชอบได้หรือไม่ ที่สำคัญ เรื่องข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนนั้น ผู้ที่ประกาศนโยบายนี้และดำเนินการจะต้องรับผิดชอบ กกต.จะเป็นผู้อนุมัติว่า ใช้ทำได้หรือไม่ พอผมบอกว่า นโยบายนี้เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชน ท่านก็บอกไม่มี แต่จะใช้ใครทำ ท่านก็ไม่บอก พอผมถามว่าเงินมาจากไหน ก็บอกว่าจะไปจัดหามา ซึ่งเดิมท่านบอกว่าเป็นเงินสกุลดิจิตอล ซึ่งคำพูดนี้ชัดเจน แต่ต่อมา กลับบอกว่าเป็นดิจิตอลวอลเล็ต มันเปลี่ยนไปเรื่อย เป็นความรับผิดชอบของ กกต.ต้องตรวจสอบ”นายเกียรติ กล่าว
ต่อข้อถามว่า เขาสามารถปรับเปลี่ยนงบประมาณปี 2567 เพื่อโยกงบฯอื่นมาใช้เรื่องนี้ได้หรือไม่ นายเกียรติ กล่าวว่า การเกลี่ยหรือจัดสรรงบประมาณทำได้ ถ้าเขาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ต้องมีเหตุผล เพราะเสกเงินมาไม่ได้ เงินงบประมาณมีจำกัดเหลือเพียง 200,000 กว่าล้านบาท และต้องใช้ภายใน 6 เดือน คือ 500,000 กว่าล้านบาท แล้วจะนำเงินมาจากไหน ถ้าจะบอกว่าภายใน 6 เดือน แจกเป็นวอลเล็ตไปก่อน แล้วค่อยมาขึ้นเงิน ก็ไม่ทันปีงบประมาณ จึงเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยต้องชี้แจงว่าจะนำเงินจากไหนมาทำนโยบายนี้