"ก้าวไกล-รองอ๋อง" ระทึกเข้าข่ายตายยกรัง "ชาติชาย" ชี้สุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ
นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ อดีตกรรมการธิการร่างรัฐธรรมนูญปี60 ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวThe room44 ถึงกรณีคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลมีมติขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ สส.พิษณุโลก พ้นสมาชิกพรรค เพื่อเปิดทางให้ไปสังกัดพรรคใหม่ภายใต้กฎหมายกำหนดและยังคงสถานะเป็นรองประธานสภาฯว่า สุ่มเสี่ยงเป็นนิติกรรมอำพราง เพราะเข้าข่ายขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ มาตรา 106 ที่เขียนล็อกไม่ให้พรรคที่มีสส.เป็นผู้นำฝ่ายค้าน เป็นประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ ยึดหลักถ่วงดุลอำนาจ สร้างเอกภาพฝ่ายค้าน ยึดหลักการทำงานประธานสภาฯ และเมื่ออ่านแถลงการณ์พรรคก้าวไกลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยสำนึกในวิญญูชนไม่เกี่ยวข้องกับข้อบังคับพรรคว่าทำผิดวินัยร้ายแรงเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติกรรมขาดจริยธรรม คุณธรรม อ้างเพียงต้องการทำหน้าที่รองประธานสภา เพื่อทำให้สภาฯดีขึ้น ขัดต่อมโนสำนึกที่จับออกจากพรรค ฟังไม่ขึ้น ไม่ใช่เหตุที่คณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลต้องขับออกจากพรรค ตรงนี้เป็นเหตุให้สส.1ใน10 เข้าชื่อรองต่อประธานสภาฯ เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไปว่าเป็นเหตุให้ขาดสมาชิกภาพสส.หรือไม่
นายชาติชายกล่าวอีกว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ต้องเป็นทางรับแจ้งว่ามีสมาชิกพรรคถูกขับออก ในฐานะนายทะเบียน ต้องดูว่าทำถูกต้องตามความมุ่งหมายของพ.ร.บ.ประกอบว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ เข้าข่ายนิติกรรมอำพรางหรือไม่ ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด หากไม่ทำระวังจะมีคนไปร้องกกต.เข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่
นายชาติชายกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดพรรคก้าวไกลที่ขับนายประดิพัทธ์ออกจากพรรคและนายปดิพัทธ์ เข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงนั้น คำรองของนายศรีสุวรรณถือว่าหนักกว่าที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามขั้นตอนของกฎหมายหากไปถึงชั้นศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หวาดเสียวอยู่ เมื่อเรียนผูกก็เรียนแก้เอาเอง ส่วนพรรคใหม่ที่จะให้นายปดิพัทธ์เข้าสังกัด อาจเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิด