“Banana Gove” โอ้ววว..บร๊ะเจ้ากล้วยช่วย “ลุง”
จะ Banana Democracy หรือ Banana Government ก็ล้วนสะท้อนตัวตนที่ชัดเจนของ “รัฐบาลประยุทธ์ 2” ที่ดำรงคงอยู่ในอำนาจได้ ก็ด้วย“กล้วย”ล้วน ๆ ไม่ต้องไปพูดถึงอุดมกงอุดมการณ์อะไร ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงการบริหารงาน การคิดค้นนโยบายใหม่ ๆ เพื่อพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน
เพราะที่เห็นและเป็นอยู่ ล้วนแต่เป็นการบริหารอำนาจ เพื่อจะอยู่ในอำนาจ เพื่อต่อท่ออำนาจ แล้วก็เพื่อสานต่อผลประโยชน์ของตนเอง และพวกพ้อง
ก็จบไปแล้วกับศึกครั้งสุดท้าย Final Battle ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “บิ๊กตู่”ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีอีก 10 คน ไม่ต้องไปพูดถึงผลโหวตในสภา เพราะอิทธิฤทธิ์ของ“บร๊ะเจ้ากล้วย” ยังคงสำแดงเดชกล่อมบรรดาลิงน้อย ลิงใหญ่ อยู่หมัด ใครเป็นใครทุกคนก็รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว
ของจริงมันอยู่นอกสภาต่างหาก กับผลการโหวตเสียงประชาชนนอกสภา ที่จัดโดยกลุ่มวิชาการหลายสถาบัน และสื่อทีวี 4 ช่องหลัก ที่จับมือกันเปิดโหวตนอกสภา ผลออกมาตรงกันข้ามจากหลังเท้าเป็นหน้ามือ คือประชาชนกว่า 5 แสนคน ลงมติไม่ไว้วางใจ “บิ๊กตู่”ประยุทธ์ และพวกรัฐมนตรีอีก 10 คน กันแบบท่วมท้น ขณะที่เสียงเชียร์ไว้วางใจอยู่ที่หมื่นกว่า ๆ
ผลต่างกัน 50 เท่า ของความไม่ไว้วางใจ ต่างกันฟ้ากับเหวกับการเมืองนับแต้มในสภา
ที่สำคัญคือผลพวงจากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจนี่ต่างหาก ยิ่งตอกย้ำภาพกระดำกระด่างของรัฐบาลประยุทธ์ 2 พรรคร่วมรัฐบาลก็จ้องแต่จะเสียบกันเอง ระหว่างประชาธิปัตย์ กับชาติไทยพัฒนา สาดน้ำลายใส่กันโขมงโฉงเฉง ฝากรอยแค้นเอาไว้ไปล้างตากันในศึกเลือกตั้งใหญ่
หนักสุดก็เห็นจะเป็นปัญหาภายในพรรคแกนนำรัฐบาล พลังประชารัฐ เอง ก่อนหน้าจะจบศึกอภิปราย แกนนำรัฐบาลมัวแต่ไปมุ่งจัดการปัญหาลิงหิวกล้วย ที่พรรคปัดเศษ ส.ส.ปัดส่วน ร้องกระจองอแงต่อรองผลประโยชน์ ดันลืมมองปัญหาหลังบ้านที่มีรูโหว่เบ้อเริ่ม
กระหยิ่มใจว่าถีบส่ง “แก๊งผู้กอง” ไปนั่งตบยุงเป็นฝ่ายค้าน คงหมดปัญหาความไม่เป็นเอกภาพแล้ว ที่ไหนได้ ดันมี “ก๊วนปากน้ำ” ทะลุกลางปล้อง โผล่โหวตสวนมติพรรค ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีของพรรคหน้าตาเฉย แต่เรื่องมันก็มีที่มาที่ไป
เรื่องของเรื่องคืออารมณ์หมั่นไส้ล้วน ๆ หวยที่ออกคือ “เสี่ยเฮ้ง”สุชาติชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่แจ๋นข้ามห้วย เข้ามาจุ้นจ้านจัดตัวผู้สมัครส.ส.เมืองปากน้ำ จนไปเหยียบตาปลา “บ้านใหญ่ปากน้ำ” ตระกูลอัศวเหม เต็มๆ ทีน
อีกคน “บิ๊กบ๊อก”อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย คนนี้มีหลายกรรมหลายวาระ แต่เป้าหลักๆ คือเก้าอี้มท.1 ที่มีขาใหญ่หมายปองจะสลับหัวสลับหาง
คงยากจะปฏิเสธสำหรับ “พี่ใหญ่บิ๊กบราเธอร์” ที่ไม่เคยปฏิเสธซักคำกับคำถามของสื่อ เรื่องที่จะสลับมานั่งเป็นรมว.มหาดไทย เพื่อเตรียมการนำทัพรับศึกเลือกตั้งใหญ่
งานนี้เลยกลายเป็นเรื่อง “แค่พี่คิด” “น้องก็จัดให้” เพราะแน่นอนถึงจะกินดีหมีหัวใจเสือยังไง ลำพังแค่ก๊วนปากน้ำ ใจคงไม่กล้าพอจะเปิดหน้าซดกับ“พี่รอง” ที่มี“น้องเล็ก”คอยซับพอร์ตอยู่ข้างหลัง ยังไงก็ต้องมีขาใหญ่ที่บารมีไล่ๆกัน ปล่อยตัวอักษรย่อมา พล.ต.อ.“พ.” ชื่อเล่น “ป.” คนก็รู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว ดีว่ายังไม่บอกใบ้อีกหน่อยว่า “เป็นน้องในสายเลือด”
ศึกเดียวล่อได้ 2 รมต. แถมยังมีอารมณ์ตามน้ำกับภาพที่ตั้งใจกราบของ “กรุงศรีวิไล” ก้อมลงกราบแทบเท้า เชียร์“ลุงป้อม”เสียบเก้าอี้มท.1 กันโต้งๆ แต่บางคนดันเห็นภาพกราบเท้า กลายเป็นภาพเบิ๊ดโหลก“พี่รอง”ไปได้ยังไงไม่รู้
ยิ่งฉายภาพร้าวลึกในกลุ่ม 3 ป. ที่ยากจะสมาน อยู่กันเพื่อประสานประโยชน์เท่านั้น
กระแสร้อนแรงไม่แพ้กัน ก็ปมปัญหาสูตรเลือกตั้ง หลังรัฐบาลกลืนน้ำลายตัวเอง เปลี่ยนสูตรคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จากสูตรหาร 100 มาใช้สูตรหาร 500 จนหลายคนเริ่มเรียกกันติดปาก “ไอ้พวก(หาร)500” วันนี้ทำท่าจะพลิกกลับมาใช้สูตรหาร 100 กันซะอีกแล้ว
คนที่พูดเรื่องนี้ก็คือ สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร นักคณิตศาสตร์การเมือง ที่ออกมาเทียบบัญญัติไตรยางค์การเมือง จนผู้นำรัฐบาลไขว้เขว จนคิดไปไกลถึงขั้นจะล้มกระดาน เพื่อไปตั้งต้นกันใหม่คือ “แก้ไขรัฐธรรมนูญ” เพื่อกลับมาใช้บัตรใบเดียวกันใหม่
ที่กล้าเล่นกันแบบไม่สนหน้าอินทร์-หน้าพรหม ก็เพราะมั่นใจในดุลอำนาจที่ถือในมือ ว่าทีมแบ๊กอัพด้านหลังยังไงก็ต้องเออออห่อหมก เพราะยังจำต้องใช้งานอยู่
เลยไม่เห็นหัวประชาชน ไม่สนใจใยดีว่าคนทั่วประเทศจะคิดยังไง “เผด็จการ สันดานแท้”
ปิ๊กกะจู้