facebook

รวบอดีตลูกจ้างหน่วยงานรัฐ พร้อมพวก 29 คน เปิดเต็นท์รถหลอกกู้ไฟแนนซ์ เสียหายกว่า 20 ล้าน

07 มิ.ย. 2567
16:02

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2567เวลา 15.00 น. ที่ ห้องประชุม ชั้น 2 ตึกกองปราบ (อาคารประชาอารักษ์) ตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำโดย พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. ร่วมกับ นายณภัทร เทอดไท ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ร่วมแถลงข่าว ทลายขบวนการเต็นท์รถ ทำเอกสารปลอม หลอกกู้ไฟแนนซ์รถยนต์ มูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหา 29 ราย จำนวน 59 หมายจับ ซึ่ง น.ส.ทิพย์นิดา หรือ ก้อย อายุ 41 ปี กับพวก รวม 29 ราย มีความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม สามารถจับกุมได้ ที่ บ้านพัก ม.10 ต.โคกสูง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา

 

พฤติการณ์สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2566 ตัวแทนจากธนาคารเกียรตินาคิน (ผู้เสียหาย) เข้าพบพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. แจ้งความร้องทุกข์ว่า มีคนร้ายนำเอกสารปลอมมายื่นขอสินเชื่อรถยนต์กับทางบริษัทฯ จนหลงเชื่อ และอนุมัติสินเชื่อให้แก่คนร้ายไป โดยคนร้ายได้ค้างชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ที่ทางผู้เสียหายได้อนุมัติสินเชื่อไปจำนวนหลายคัน จึงต้องติดตามรถยนต์คืน และทำการตรวจสอบเอกสารของผู้เช่าซื้อรถ พบว่า มีผู้เช่าซื้อจำนวน 34 ราย มีการใช้เอกสารปลอมมายื่นขอสินเชื่อ บริษัทฯ ได้รับความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท

 

จากการสืบสวน ทราบว่า เมื่อประมาณเดือน สิงหาคม 2565 น.ส.ทิพย์นิดา หรือ ก้อย มีอาชีพค้าขายรถยนต์มือสอง ที่ ต.โคกสูง อ.เมือง จ.นครราชสีมา รวมทั้งเป็นดีลเลอร์กับเต็นท์ใหญ่ ในเมืองนครราชสีมา อดีตเคยเป็นพนักงานลูกจ้างชั่วคราวการเงิน และงบประมาณของหน่วยงานราชการ ซึ่งมีความรู้เรื่องการทำหนังสือเอกสารเป็นอย่างดี ร่วมกันกับผู้เช่าซื้อทำเอกสารปลอม และนำเอกสารปลอมไปใช้แสดงต่อธนาคาร เพื่อให้ธนาคารอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 

โดยเริ่มจากกลุ่มลูกค้าผู้เช่าซื้อเป็นบุคคลธรรมดา ที่มีความต้องการซื้อรถยนต์ เข้าติดต่อมาทางเพจเฟซบุ๊ก และมีการนัดหมายผู้เช่าซื้อมาเลือกดูรถยนต์รุ่นที่ตนเองสนใจ น.ส.ทิพย์นิดา หรือ ก้อย การันตีว่าสามารถออกรถให้ได้ โดยจะจัดทำหนังสือรับรองเงินเดือนปลอม และรายการเดินบัญชีธนาคารปลอม ให้สอดคล้องกับรายการรับเงินเดือนของผู้เช่าซื้อ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือว่าผู้เช่าซื้อมีคุณลักษณะตรงตามหลักเกณฑ์ มีอาชีพหลักจริง และรายได้เพียงพอที่จะสามารถผ่อนชำระค่างวดให้กับธนาคารผู้เสียหายได้ ก่อนจะนำเอกสารข้างต้นยื่นต่อธนาคารผู้เสียหาย และอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถตามคำขอของผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อแต่ละราย 


จากนั้นได้โอนเงินชำระค่ารถยนต์ตามสัญญาเช่าซื้อให้กับเต็นท์รถยนต์ เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อแต่ละรายได้รถยนต์ตามสัญญาเช่าซื้อไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฯ ได้ตรวจสอบไปยังหน่วยงานราชการที่ออกหนังสือรับรอง พบว่าเป็นเอกสารที่ทำการปลอมขึ้นทั้งหมด และยังพบว่าผู้เช่าซื้อทั้งหมดไม่ใช่เจ้าหน้าที่ราชการ และยังมีเจ้าหน้าที่คอยรับสายโทรศัพท์จากธนาคาร เพื่อรับรองสถานะของผู้เช่าซื้อว่าเป็นพนักงานราชการจริง น่าเชื่อว่ามีส่วนรู้เห็นในขบวนการนี้อีกด้วย ซึ่งมีผู้เช่าซื้อบางรายหลังจากได้รับรถไปแล้ว ไม่ชำระค่างวดรถ ทำการเปลี่ยนป้ายทะเบียน หลบหลีกไฟแนนซ์ หรือบางรายก็ได้ขายรถที่เช่าซื้อไปแล้ว

ทั้งนี้ ตรวจสอบรายชื่อกลุ่มผู้เช่าซื้อในช่วงระยะเวลา 5 เดือน พบความผิดปกติว่าผู้เช่าซื้อมีที่ทำงานเดียวกัน สามารถออกรถได้ถึง 34 คัน บางรายเปิดบัญชีธนาคารมาไม่ถึงเดือน แต่มีรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญา 37 คน จำนวน 67 หมายจับ


จากการตรวจค้น 26 จุด ในพื้นที่ 6 จังหวัดทั่วประเทศ พบหลักฐาน คอมพิวเตอร์, โน๊ตบุ๊ค, โทรศัพท์มือถือ, สัญญาการเช่าซื้อ พร้อมสำเนาคู่มือ, รายการเดินบัญชีเช่าซื้อรถยนต์ เป็นเอกสารเกี่ยวกับการทำเอกสารรถหลายรายการ, แผ่นป้ายทะเบียนที่บ้าน จำนวน 80 ป้าย พบ 8 ป้าย เป็นป้ายทะเบียนปลอม และจับกุมผู้ต้องหา พร้อมพวก 29 คน ตรวจยึดรถยนต์ รวมจำนวน 24 คัน และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  

เบื้องต้น ผู้ต้องหาที่เป็นผู้เช่าซื้อบางส่วนให้การว่าได้ติดต่อเช่าซื้อรถกับ น.ส.ทิพย์นิดา หรือ ก้อยฯ และให้เป็นผู้ดำเนินการทางเอกสารให้ทั้งหมด บางรายทราบว่าเอกสารที่ทำเป็นเอกสารที่ปลอมทั้งหมด และบางส่วนปฏิเสธ เนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นเอกสารปลอมมีหน้าที่ลงลายมือชื่อตามคำบอกของ น.ส.ทิพย์นิดา ส่วน น.ส.ทิพย์นิดา ยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ข่าวแนะนำ

กองทัพบก-ม.แม่ฟ้าหลวง-ซีพี-ซีพีเอฟ ร่วมภารกิจส่งอาหารจากใจ
© COPYRIGHT 2025 ROOM44 บริษัท นิวส์รูม 2020 จำกัด