facebook

ก.คลัง ชี้ ดิจิทัลวอลเล็ต จ่อเปิดลงทะเบียน 1 ส.ค.

24 ก.ค. 2567
12:09

ก.คลัง ชี้ ดิจิทัลวอลเล็ต พร้อมขับเคลื่อนแล้ว มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก จ่อเปิดลงทะเบียน 1 ส.ค. คาดใช้ได้ในไตรมาส 4


วันที่ 24 ก.ค. 2567 ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานแถลงข่าวรายละเอียดโครงการเงินดิจิทัลวอลเลต พร้อมกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 


นายพิชัย ระบุว่า หลังจากที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการพิจารณารายละเอียดโครงการฯ อย่างรอบคอบ สอดคล้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ข้อกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมนำความเห็นหน่วยงานต่าง ๆ มาประกอบการพิจารณาอย่างรอบคอบและรัดกุมนั้นโครงการฯ มีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจแล้ว โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญเพื่อส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ และช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ สามารถพึ่งพาตนเองได้ สร้างและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเมื่อเริ่มดำเนินโครงการฯ แล้ว จะก่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจจำนวน 4 ลูก ได้แก่ 


พายุหมุนลูกที่ 1การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็ก ถือเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจไปยังฐานราก กระจายไปพร้อมกันทุกอำเภอทั่วประเทศ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน 

พายุหมุนลูกที่ 2 การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดเล็กกับร้านค้าขนาดใหญ่ 

พายุหมุนลูกที่ 3 การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดใหญ่กับร้านค้าขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้เกิดการต่อยอดกำลังซื้อ การบริโภค หรือสร้างโอกาสในการลงทุนเพื่อประกอบอาชีพ 

พายุหมุนลูกที่ 4 พลังการใช้จ่ายของประชาชนแต่ละคนจะเกิดผลต่อการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นทวีคูณ ช่วยฟื้นฟูภาคการผลิตของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม


ด้าน นายจุลพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการดิจิทัลวอลเลต ใช้วงเงินทั้งสิ้น 450,000 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณจาก งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2567 และ งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 


สำหรับการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเลตนั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่า การลงทะเบียนประชาชนกลุ่มที่มี Smart Phone เริ่มลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” ตั้งแต่ 1 ส.ค. 67 - 15 ก.ย. 67 ส่วนในกลุ่มประชาชนที่ไม่มี Smart Phone ให้ใช้บัตรประชาชนลงทะเบียน ได้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.67 - 15 ต.ค.67 และเวลาใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเลต ต้องใช้บัตรประชาชนเท่านั้น สำหรับกลุ่มที่ไม่มี Smart Phone


ส่วนการลงทะเบียนร้านค้า เริ่มลงทะเบียนตั้งแต่ 1 ต.ค.67 ซึ่งกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ดำเนินการ เบื้องต้นมีรายงานว่า มีร้านค้าแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการจำนวน 2 ล้าน ประชาชนสามารถใช้เงินดิจิทัลวอลเลตกับร้านค้าขนาดกลาง และขนาดย่อยเท่านั้น และต้องเป็นการใช้จ่ายแบบ Face to Face คือต้องไปใช้จ่ายที่หน้าร้านเท่านั้น ส่วนร้านค้าสามารถใช้จ่าย ในระดับร้านค้ากับร้านค้าด้วยกัน ไม่จำกัดขนาดร้านค้า และ ไม่จำเป็นต้องจ่ายแบบ Face to Face 


ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ได้มอบหมายให้ กระทรวงการคลังในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ นำเสนอรายละเอียดต่าง ๆของโครงการฯ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ( ครม.) อีกรอบ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในเดือนกรกฎาคมนี้ สำหรับข้อกังวลที่ร้านค้า ตั้งคำถามว่า จะมีการเก็บภาษีเพิ่มหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องนี้ ที่แน่ชัด คือ ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ จะไม่มีการนำส่งรานละเอียดให้ กรมสรรพากร 


"เงินดิจิทัลวอลเลต เปิดให้ประชาชน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม จนถึง 15 กันยายน โดยแบ่งช่วงลงทะเบียนตามกลุ่มประชาชน ที่ได้ชี้แจงว่า ส่วนการยืนยันรับสิทธิ์ ให้ยืนยันรับสิทธิ์ในวันที่ 22 กันยายน 67 และ จะแจกเงินดิจิทัลวอลเลต ช่วงเดือนพฤศจิกายน" นายจุลพันธ์ กล่าวทิ้งท้าย 


ขณะที่ นายเผ่าภูมิ กล่าวย้ำว่า การลงทะเบียนรับสิทธิ์เงินดิจิทัลวอลเลต ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ ทางเดียวเท่านั้น หากลงทะเบียนไม่ผ่าน แอปทางรัฐ จะมีการแจ้งเหตุผลที่ลงทะเบียนไม่ผ่าน ผ่านทางแอปฯ 


ส่วนข้อกังวลที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ท้วงติงว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะเกิด คอรัปชั่น ได้ง่ายนั้น นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบทุกขั้นตอนในโครงการนี้ ไม่มีขั้นตอนไหน จะเป็นช่องโหว่ ให้ทำการทุจริตได้ เพราะ ทุกขั้นตอนมีการตรวจสอบอย่างละเอียด อีกทั้ง เราได้ตัดสิทธิ์ประชาชน ที่เคยนำเงินจากโครงการคนละครึ่ง ไปแลกเป็นเงินสด และ ดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว รวมถึง มีการตั้งอนุกรรมการ เพื่อติดตามและป้องกันการเกิดปัญหาทุจริต จึงขอให้เชื่อมั่นได้ว่าเงินไปถึงมือประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างแท้จริง


ข่าวแนะนำ

"สุวัจน์" แถลงข่าวจัดใหญ่เทนนิสระดับโลก“แอลไลด์ ไทยแลนด์โอเพ่น พรีเซนต์ บายแคล-คอมพ์”
© COPYRIGHT 2024 ROOM44 บริษัท นิวส์รูม 2020 จำกัด