รู้หรือไม่คะว่า ทุกคนไม่ได้มีนาฬิกาบอกเวลาอยู่แค่บนข้อมือเท่านั้น แต่ทุกคนยังมีนาฬิกาชีวิตที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด ที่คอยเป็นเครื่องบอกเวลาให้ร่างกายทำสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นการตื่นนอน รับประทานอาหาร หรือนอนหลับพักผ่อน นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายอีกด้วย วันนี้เราจึงอยากจะชวนคุณผู้อ่านทุกคนมาทำความรู้จักกับนาฬิกาชีวิตให้มากขึ้นไปด้วยกันค่ะ
ทำความรู้จักกับนาฬิกาชีวิต
นาฬิกาชีวิต (Body Clock) คือนาฬิกาของร่างกายที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ อย่างการตื่นนอน การรับประทานอาหาร การนอนหลับพักผ่อน การขับถ่าย พฤติกรรมต่าง ๆ การหลั่งฮอร์โมน การเผาผลาญพลังงาน ระบบภูมิคุ้มกัน โดยนาฬิกานี้ถูกควบคุมด้วยแสงสว่างและอุณหภูมิ
การทำงานของนาฬิกาชีวิต
นาฬิกาชีวิตของเราโดยทั่วไปมีรอบเวลา 24 ชั่วโมงโดยประมาณ และอย่างที่ทราบจากข้างต้นว่ามีการควบคุมจากแสงและความร้อน เมื่อสองสิ่งนี้คงอยู่ในระดับที่เหมาะสม ร่างกายจะเริ่มทำงานตามวงจรในแต่ละวัน โดยวงจรนี้มีชื่อเรียกว่าจังหวะเซอร์คาเดียน (Circadian Rhythms)
การที่นาฬิกาชีวิตถูกควบคุมด้วยแสงและอุณหภูมิ เกิดจากการทำงานของกลุ่มเซลล์ชื่อว่า นิวเคลียสซูพราไคแอสมาติก (Suprachiasmatic Nucleus) ที่อยู่ในสมองส่วนไฮโปทาลามัส ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของยีนเวลา (Clock Genes) โดยจะส่งสัญญาณอันเกิดจากการตอบสนองของแสงสว่างหรือความมืดไปสู่ระบบประสาทของดวงตา จากนั้นกลุ่มเซลล์นี้จะแปรสัญญาณไปยังสมองที่ควบคุมระบบต่าง ๆ เช่น การหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินที่ลดลงเมื่อร่างกายมีความร้อนสูงขึ้น ทำให้เราตื่นจากการนอนหลับ หรือในทางตรงกันข้ามฮอร์โมนดังกล่าวจะหลั่งออกมามากเมื่อร่างกายสัมผัสกับความมืด ทำให้เราง่วงนอนในช่วงเวลากลางคืน
แต่บางคนอาจมีความสงสัยว่า ทำไมมีคนบางกลุ่มที่ชอบนอนดึกตื่นสาย หรือนอนผิดเวลา นั่นก็เป็นเพราะว่ายีนเวลาเกิดการกลายพันธุ์นั่นเอง ซึ่งเกิดจากการตอบสนองต่อปัจจัยภายนอกผิดเพี้ยนไป เช่น ในเวลากลางคืนไม่ควรมีแสงสว่าง แต่ระบบประสาทของดวงตากลับตอบสนองกับแสงสว่างจากดวงไฟหรือจอมือถือ เป็นต้น โดยเราสามารถปรับการกลายพันธุ์ของยีนให้กลับมาเป็นปกติได้ เพียงแค่ ปรับนาฬิกาชีวิต ปรับสมดุลร่างกาย
อะไรบ้างที่ส่งผลให้นาฬิกาชีวิตของเราแปรปรวน
· เป็นอายุ
· ความเสื่อมของอวัยวะและระบบต่าง ๆ
· การนอนผิดเวลา
· การเลื่อนเวลานอน การทำงานในเวลากลางคืนของบางอาชีพ
· อาการเจ็ตแล็ก
· การมีปัญหาสุขภาพ หรือโรคบางชนิด
นอกจากนี้ยังมีการใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่ส่งให้นาฬิกาชีวิตแปรปรวนเช่นกัน เช่น การทำงานที่บ้าน (Work From Home) การทำงานผ่านโทรศัพท์มือถือ การใช้เวลากับการเล่มเกม หรือแอปพลิเคชันสตรีมมิ่งต่าง ๆ
ปรับนาฬิกาชีวิต ปรับสมดุลร่างกาย
การใช้ชีวิตให้สอดคล้องไปกับเวลาของนาฬิกาชีวิต มีส่วนช่วยในการรักษาสมดุลของร่างกาย และส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดี ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากใครเป็นเจ้าของนาฬิกาชีวิตที่ผิดเพี้ยนไป ควรหันกลับมาปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต หากปรับให้ตรงเสียทีเดียวไม่ได้ ก็ขอให้มีความใกล้เคียงมากขึ้น
เริ่มจากการปรับเวลาการนอนให้ตรงเวลา สำหรับคนที่มีปัญหานอนหลับยาก แนะนำให้ปิดโทรศัพท์มือถือก่อนเข้านอน 90 นาที ทำห้องนอนให้มืดสนิท สร้างบรรยากาศด้วยเสียงเพลงที่ผ่อนคลาย หรือใช้เครื่องหอมที่ช่วยให้หลับสบาย และหลีกเลี่ยงการงีบหลับระหว่างวัน จะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายและมีคุณภาพมากขึ้น อีกส่วนหนึ่งคือการรับประทานอาหาร ควรปรับให้มื้อสุดท้ายไม่เกิน 2 ทุ่ม สำหรับการออกกำลังกายควรทำในช่วงกลางวัน เพราะการออกกำลังกายในเวลากลางคืน ร่างกายจะอยู่ในสภาวะตื่นตัว และไม่พร้อมสำหรับการนอนหลับให้มีคุณภาพ
สำหรับคนที่มีความจำเป็นที่จะต้องทำงานในช่วงเวลากลางคืนหรือมีการเปลี่ยนช่วงเวลาบ่อยครั้ง อย่างคนที่ทำงานเป็นกะ เช่น คนที่ทำงานที่สนามบิน ร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมง เป็นต้น คนกลุ่มนี้จะต้องมีการปรับตัวเพิ่มเติมจากคนทั่วไป โดยในช่วงที่ไม่ได้ทำงานในช่วงกลางคืนนั้นควรจะนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง ช่วงที่ต้องเปลี่ยนกะควรเลื่อนเวลาให้ห่างออกไปเสมอ ไม่ควรเปลี่ยนย้อนหลัง เพราะจะทำให้เราอดนอนและเหนื่อยล้ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ควรเว้นระยะห่างในการเปลี่ยนกะอย่างน้อย 3 สัปดาห์ ไม่ควรเปลี่ยนทุกสัปดาห์เนื่องจากร่างกายจะเริ่มชินกับเวลานั้นแล้ว หรือถ้าหากต้องเปลี่ยนบ่อยก็ควรจะเปลี่ยนทุก 2-3 วัน